ยาพ่นคอ สเปรย์พ่นคอ เหมือนกันกับยาปฏิชีวนะหรือไม่? ตัวยาทั้งสองชนิดแตกต่างกันอย่างไร เจ็บคอแบบนี้ควรเลือกใช้ยาชนิดไหนถึงเห็นผลดีกว่ากัน? หลายคนที่เริ่มมีอาการเจ็บคอ ระคายเคืองในลำคอ ไอถี่ อาจเกิดความสับสนว่าอาการที่ตนกำลังเป็นอยู่ควรใช้ยาชนิดไหนเพื่อช่วยบรรเทาอาการให้ดีขึ้นได้อย่างตรงจุดและปลอดภัยมากกว่ากันเพราะอย่างที่เราทราบกันดีว่าการเลือกใช้ยาผิดประเภท ใช้ยาบางชนิดโดยไม่จำเป็นนอกจากจะไม่ช่วยบรรเทาอาการให้ดีขึ้นแล้วนั้นยังเสี่ยงต่อการเกิดภาวะดื้อยา รักษาโรคให้หายได้ช้าและอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงมากขึ้น เมื่อมีอาการไอ เจ็บคอ รู้สึกระคายเคืองในคอควรเลือกใช้ยาพ่นคอหรือยาปฏิชีวนะ? ยาพ่นคอต่างจากยาปฏิชีวนะอย่างไร? มาดูคำตอบไปพร้อมๆ กันได้ในบทความนี้
ยาพ่นคอ คืออะไร
ยาพ่นคอ สเปรย์พ่นคอ (Mouth Spray) คือ ตัวยาที่ใช้สำหรับฉีดพ่นเข้าทางปากและลำคอ มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อช่วยฆ่าเชื้อโรคและลดการอักเสบภายในช่องปากและลำคอ ช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ ไอ ระคายเคืองในลำคอให้ดีขึ้นได้ตามลำดับ โดยสามารถแบ่งยาพ่นคอที่มีวางจำหน่ายในท้องตลาดทั่วไปออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่
ยาพ่นคอที่มีส่วนผสมของยาแผนปัจจุบันสามารถออกฤทธิ์ต้านการอักเสบภายในช่องปากและลำคอ ช่วยยับยั้งการติดเชื้อจุลินทรีย์ทั้งเชื้อไวรัสและเชื้อแบคทีเรีย
ยาพ่นคอที่ไม่มีส่วนผสมของยาแผนปัจจุบันแต่ใช้สารสกัดจากธรรมชาติที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของทั้งเชื้อแบคทีเรียและไวรัส ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นในระบบทางเดินหายใจและลำคอ เช่น สแตนดาร์ดไดซ์โพรโพลิส (Standardized Propoliz Extract) น้ำผึ้ง เมนทอล เทอร์มินาเลีย ชีบูล่า เปปเปอร์มินท์ สเปียร์มินท์ ฯลฯ ทั้งนี้ผู้ที่มีอาการไอ เจ็บคอ ที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสซึ่งมีอาการไม่รุนแรงมากสามารถใช้ยาพ่นคอ สเปรย์พ่นคอเพื่อช่วยบรรเทาอาการให้ดีขึ้นได้ แต่หากเป็นกลุ่มที่มีอาการเจ็บคอมาก มีไข้สูง มีเสมหะสีเข้มที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียจำเป็นจะต้องใช้ยาปฏิชีวนะหรือยาฆ่าเชื้อเพื่อการรักษา โดยสามารถใช้ยาพ่นคอควบคู่กันไปเพื่อช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ ระคายคอและทำให้ลำคอชุ่มชื้นมากยิ่งขึ้น
เจ็บคอแบบไหน ควรใช้ยาพ่นคอ สเปรย์พ่นคอ
ยาพ่นคอ สเปรย์พ่นคอเป็นยาทางเลือกที่ช่วยบรรเทาอาการไอ เจ็บคอ ระคายเคืองในลำคอที่เกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ โดยผู้ที่มีอาการเจ็บคอเหล่านี้สามารถใช้ยาพ่นคอเป็นตัวช่วยในการดูแลและเพิ่มความชุ่มชื้นภายในลำคอได้
- เจ็บคอแบบทั่วไป มีอาการไอและระคายเคืองในลำคอที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินทายใจ
- ผู้ที่มีอาการไอ เจ็บคอ ระคายคอที่เกิดจากสภาพอากาศ ฝุ่น ควัน PM 2.5 หรือสารก่อภูมิแพ้ในกลุ่มที่ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้
- ผู้ที่มีอาการเสียงแหบ เจ็บคอ แสบคอจากการใช้เสียงมากเกินไป การพูดติดต่อกันเป็นเวลานาน
- ผู้ที่มีอาการเจ็บคอ ระคายเคืองในลำคอ ไอ เพราะอากาศแห้งมากเกินไป ทั้งในกลุ่มที่ต้องอยู่ในห้องแอร์เป็นประจำหรือในช่วงฤดูหนาว
- ผู้ที่มีปัญหาเจ็บคอหลังตื่นนอนเนื่องจากการนอนกรน นอนอ้าปาก โรคกรดไหลย้อน หรือมีพฤติกรรมสูบบุหรี่เป็นประจำ สามารถบรรเทาอาการเจ็บคอ คอแห้ง ระคายเคืองในลำคอให้ดีขึ้นได้ด้วยการใช้ยาพ่นคอ
- ผู้ที่มีอาการเจ็บคอมาก กลืนน้ำลายไม่ลง ต่อมทอนซิลบวมแดงหรือมีจุดหนองสีขาว สามารถใช้ยาพ่นคอ สเปรย์พ่นคอที่ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย ช่วยลดอาการอักเสบและทำให้ชุ่มคอควบคู่กันไปกับยาหลักที่แพทย์หรือเภสัชกรเป็นผู้จ่ายให้เพื่อช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอให้ดีขึ้นได้อย่างเห็นผล
ทั้งนี้ควรเลือกซื้อยาพ่นคอ สเปรย์พ่นคอที่ได้คุณภาพและผ่านการรับรองมาตรฐานการผลิต ตัวยาหรือสารสำคัญที่ใช้ในยาพ่นคอ สเปรย์พ่นคอจะต้องมีความปลอดภัย ปราศจากสารปนเปื้อนที่เป็นอันตรายไม่ทำให้เกิดการตกค้างสะสมภายในร่างกายและควรใช้ยาพ่นคอที่มีส่วนผสมของตัวยาแผนปัจจุบันภายใต้การดูแลของแพทย์หรือเภสัชกร ส่วนยาพ่นคอที่ใช้สารสกัดจากธรรมชาติเป็นหลักสามารถหาซื้อได้ตามร้านยาทั่วไปและใช้ได้บ่อยครั้งเมื่อมีอาการแต่อย่างก็ไรก็ตามควรศึกษาข้อมูลที่แสดงอยู่บนฉลากโดยละเอียดเพื่อการใช้ยาพ่นคออย่างเหมาะสม รวมถึงควรตรวจดูส่วนผสมที่ใช้เพื่อช่วยป้องกันการแพ้สารสกัดธรรมชาติบางชนิดในแต่ละบุคคล
ยาปฏิชีวนะ คืออะไร
ยาปฏิชีวนะ (Antibiotic หรือ Antibacterial) คือ ตัวยาชนิดหนึ่งที่ออกฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อหรือยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียจึงนิยมเรียกกันอีกชื่อว่า “ยาฆ่าเชื้อ” ข้อบ่งชี้สำหรับการใช้ยาปฏิชีวนะคือใช้เพื่อการรักษาโรคต่างๆ รวมถึงโรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย (Bacterial Infection) เท่านั้น เช่น โรคต่อมทอนซิลอักเสบ (Tonsilitis) โรคคออักเสบ (Pharyngitis) โรคปอดอักเสบ (Pneumonia) วัณโรคปอด (Tuberculosis) ฯลฯ ตัวยาปฏิชีวนะไม่มีฤทธิ์สำหรับการฆ่าเชื้อไวรัส ไม่สามารถใช้เพื่อลดอาการอักเสบ บรรเทาอาการปวดหรือลดไข้ได้ และจะต้องใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอจากการติดเชื้อแบคทีเรียภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกรเท่านั้น ไม่ควรซื้อยาปฏิชีวนะมาทานด้วยตนเองหรือหยุดทานยาก่อนกำหนดเพราะอาจทำให้เกิดภาวะเชื้อดื้อยาได้
ยาปฏิชีวนะมีตัวยาอะไรบ้าง
ยาปฏิชีวนะมีให้เลือกใช้หลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นยารับประทาน ยาทา หรือชนิดที่ต้องฉีดเข้าเส้นเลือด โดยตัวยาปฏิชีวนะซึ่งเป็นที่นิยมและใช้กันบ่อยที่สุด ได้แก่
- ยากลุ่มเพนนิซิลลิน (Penicillin) เช่น ยาอะม็อกซี่ซิลลิน (Amoxicillin) ยาแอมพิซิลลิน (Ampicillin) ยาไดคลอกซาซิลลิน (Dicloxacillin) ฯลฯใช้สำหรับรักษาโรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียในระบบทางเดินหายใจและปอด ติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ รวมถึงโรคที่เกิดจากการติดเชื้อบนผิวหนัง
- ยากลุ่มเซฟฟาโลสปอริน (Cephalosporin) เช่น ยาเซฟาเลกซิน (Cephalexin) ยาเซฟูรอกซิม (Cefuroxime) ยาเซฟาคลอร์ (Cefaclor) ฯลฯ ใช้สำหรับการรักษาโรคไซนัสอักเสบชนิดเฉียบพลัน หลอดลมอักเสบ การติดเชื้อในหู การติดเชื้อบริเวณผิวหนัง
- ยากลุ่มแมคโครไลด์ (Macrolide) เช่น ยาร็อกซิโธรไมซิน (Roxithromycin) ยาคลาริโธรมัยซิน (Clarithromycin) ยาอะซิโธรมัยซิน (Azithromycin) เป็นยาปฏิชีวนะที่ใช้เพื่อการรักษาโรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจส่วนบน การติดเชื้อในหูชั้นกลางรวมถึงใช้เพื่อรักษาโรคปอดบวม
- ยากลุ่มซัลโฟนาไมด์ (Sulfonamides) เช่น ยาซัลฟาซีทาไมด์ (Sulfacetamide) ยาซัลฟาเมทอกซาโซน (Sulfamethoxazole) ฯลฯ ใช้เพื่อรักษาโรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียทั้งการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ หลอดลมอักเสบ การอักเสบของเยื่อบุตา การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะหรือภาวะเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย
- ยากลุ่มควิโนโลน (Quinolones) เช่นยานอร์โฟลซาซิน (norfloxacin) ซิโปรฟลอกซาซิน (Ciprofloxacin) ลีโวฟลอกซาซิน (Levofloxacin) ฯลฯ ใช้เพื่อการรักษาโรคที่เกิดจากการติดเชื้อได้ค่อนข้างครอบคลุม ทั้งการติดเชื้อแบคทีเรียในระบบทางเดินหายใจ ระบบทางเดินอาหาร ระบบทางเดินปัสสาวะ รวมถึงการติดเชื้อในบริเวณผิวหนังและเนื้อเยื่ออ่อนตามร่างกาย
เจ็บคอแบบไหนต้องกินยาฆ่าเชื้อ ยาปฏิชีวนะ
อาการเจ็บคอ ไอ ระคายเคืองในลำคอมากกว่า 80% มักเกิดขึ้นจากการติดเชื้อไวรัสซึ่งจะมีอาการไอ เจ็บคอแบบทั่วไป มีน้ำมูกสีใสได้เพียงเล็กน้อย ไม่มีไข้ ไม่มีอาการอักเสบบวมแดงภายในลำคอใช้วิธีรักษาไปตามอาการ ด้วยการกินยาแก้ปวด ยาแก้ไอ ยาพ่นคอหรือสเปรย์พ่นคอเพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นในลำคอก่อนที่อาการเหล่านี้จะค่อยๆ ดีขึ้นและหายเองได้ภายในช่วง 5-7 วัน แต่หากในรายที่มีอาการเจ็บคอมากร่วมกับมีกลุ่มอาการเหล่านี้ให้สันนิษฐานว่าอาจเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียในระบบทางเดินหายใจและมีความจำเป็นที่จะต้องใช้ยาปฏิชีวนะหรือยาฆ่าเชื้อเพื่อรักษาอาการให้ดีขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- มีอาการเจ็บคอ คอแดง ลิ้นไก่บวมแดง
- มีไข้สูงมากกว่า 38 องศาเซลเซียส และไข้ไม่ลดลงเลยหลังจากทานยาลดไข้
- หายใจไม่สะดวก หายใจได้ไม่เต็มอิ่มและรู้สึกอ่อนเพลีย ไม่มีแรง
- ต่อมทอนซิลบวมแดงหรือมีจุดหนอง มีฝ้าสีขาว
- ต่อมน้ำเหลืองที่บริเวณคอมีขนาดใหญ่ขึ้นและกดเจ็บ
- มีปัญหาเกี่ยวกับการกลืน กลืนได้ยากและรู้สึกไม่อยากอาหาร
- มีเลือดปนกับน้ำลายหรือเสมหะ
ใช้ยาพ่นคอ สเปรย์พ่นคอแทนการใช้ยาปฏิชีวนะได้หรือไม่?
สำหรับผู้ที่มีอาการเจ็บคอมาก ระคายเคืองในลำคอ มีไข้สูง ต่อมทอนซิลอักเสบและมีจุดสีขาวรวมถึงอาการอื่นๆ ที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียภายในระบบทางเดินหายใจมีความจำเป็นจะต้องใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อช่วยกำจัดเชื้อโรคให้หมดไปโดยจะต้องใช้ยาภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกรผู้เชี่ยวชาญ และเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการบรรเทาอาการเจ็บคอ ระคายเคืองในลำคอ ควรเลือกใช้ยาพ่นคอหรือสเปรย์พ่นคอ ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นในลำคอควบคู่กันไปด้วย
สรุปความแตกต่างระหว่าง ยาพ่นคอ และ ยาปฏิชีวนะ
จากข้อมูลทั้งหมดสามารถสรุปความแตกต่างระหว่างยาพ่นคอและยาปฏิชีวนะ ได้ดังนี้
- ยาพ่นคอ สเปรย์พ่นคอ เป็นยาทางเลือกที่มีส่วนผสมของยาแผนปัจจุบันหรือสารสกัดจากธรรมชาติที่มีคุณสมบัติช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรียภายในช่องปากและลำคอ ช่วยแก้ปวดและลดการอักเสบ ช่วยทำให้คอชุ่มชื้น บรรเทาอาการเจ็บคอ ระคายคอ ไอให้ดีขึ้นได้ ในขณะที่ยาปฏิชีวนะจัดอยู่ในกลุ่มของยาหลักที่ออกฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียแค่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ไม่มีฤทธิ์ช่วยลดอักเสบหรือแก้ปวด
- ยาพ่นคอ สเปรย์พ่นคอสามารถใช้ได้บ่อยครั้งตามความต้องการหรือใช้เมื่อมีอาการ (ยกเว้นยาพ่นคอที่มีส่วนผสมของยาแผนปัจจุบันที่ควรใช้ตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร) ส่วนการใช้ยาฆ่าเชื้อจะต้องใช้ตามที่แพทย์หรือเภสัชกรกำหนดทั้งในด้านปริมาณตัวยา ความถี่และช่วงเวลาที่ต้องทานเพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพสูงสุด ไม่ควรซื้อยาปฏิชีวนะมาใช้ด้วยตนเอง ไม่ควรหยุดยาหรือใช้ยาร่วมกับคนอื่นเพราะอาจทำให้เกิดภาวะดื้อยาได้
- ยาพ่นคอ สเปรย์พ่นคอ สามารถใช้เพื่อบรรเทาอาการเจ็บคอ ระคายคอที่เกิดได้จากหลายสาเหตุทั้งอาการเจ็บคอที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสหรือเชื้อแบคทีเรีย รวมไปจนถึงอาการเจ็บคอที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ เช่น อาการเจ็บคอจากการใช้เสียงมากเกินไป กรดไหลย้อน ร่างกายขาดน้ำ เจ็บคอเพราะสูบบุหรี่เป็นประจำ ฯลฯ ในขณะที่ยาปฏิชีวนะสามารถใช้ได้เมื่อมีการติดเชื้อแบคทีเรียในระบบทางเดินหายใจแค่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ไม่มีฤทธิ์ในการรักษาอาการเจ็บคอที่เกิดขึ้นจากสาเหตุอื่นๆ หากใช้ยาปฏิชีวนะเกินจำเป็นก็อาจทำให้เกิดภาวะดื้อยาได้
ยาพ่นคอ ต่างจากยาปฏิชีวนะอย่างไร?
ยาทั้งสองชนิดนี้ต่างมีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ ระคายคอให้ดีขึ้นได้ จุดสำคัญคือการเลือกใช้ยาให้เหมาะสมกับสาเหตุของอาการที่เป็น หากมีอาการเจ็บคอมาก คอแดง กลืนลำบาก ต่อมทอนซิลอักเสบและมีหนอง มีไข้สูงซึ่งเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียจะต้องเลือกใช้ยาปฏิชีวนะตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อการรักษาที่ตรงจุดมากที่สุด และสามารถใช้ยาพ่นคอ สเปรย์พ่นคอควบคู่ไปด้วยเพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ลดอาการอักเสบหรืออาการปวดภายในลำคอ และหากสังเกตว่าอาการเจ็บคอที่เจอเป็นอาการทั่วไป มีอาการไอ ไม่มีไข้ร่วมด้วยซึ่งเกิดจากการติดเชื้อไวรัส หรืออาการเจ็บคอที่เกิดจากสาเหตุอื่นๆ สามารถใช้ยาพ่นคอ สเปรย์พ่นคอ ร่วมกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้เหมาะสมมากยิ่งขึ้น หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่กระตุ้นให้เกิดอาการเจ็บคอ ระคายคออย่างการใช้เสียงมากเกินไป การสูบบุหรี่ การรับประทานอาหารรสจัด การดื่มน้ำน้อยจนทำให้ร่างกายขาดน้ำ การเปิดพัดลมหรือแอร์จ่อตัวตลอดทั้งคืน ฯลฯ เพื่อช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ ระคายเคืองในลำคอได้อย่างมีประสิทธิภาพ